ทำความรู้จักคุณ ‘จีรศักดิ์ นาคานารา’ CEO บริษัท PICO ALIVE ผู้นำนวัตกรรมจุลินทรีย์ชีวภาพ เจ้าของรางวัลชนะเลิศสุดยอดนวัตกรรมปี 2024

Pico Alive Founder

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการระดับอุตสาหกรรมโรงงาน ร้านอาหาร หรือเป็นแค่ผู้อยู่ในอาศัยในบัานธรรมดา หนึ่งในปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือ ปัญหากลิ่นเหม็นในท่อน้ำทิ้งต่าง ๆ รวมถึงปัญหาคราบไขมันในท่ออ่างล้างจาน เป็นต้น  โดยส่วนใหญ่มักเลือกที่จะใช้สารเคมีต่าง ๆ ในการกำจัดกลิ่นเหม็นและคราบไขมันเหล่านี้ แต่รู้หรือไม่ว่า การที่เราเลือกใช้สารเคมีนั้นเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยตรงและสร้างผลเสียมากกว่าที่คิด 

ครั้งนี้ทีมงาน ‘Bangkok Business Lawyer’ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณจีรศักดิ์ นาคานารา CEO ของ บริษัท พิโก อไลฟ์ จำกัด (PICO ALIVE) ผู้นำด้านนวัตกรรมจุลินทรีย์ ที่ช่วยบำบัดน้ำเสีย ย่อยสลายไขมัน ขจัดกลิ่นเหม็น โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังได้รับรางวัลการันตีสุดยอดนวัตกรรมประจำปี 2567 (7 Innovation Awards) อีกด้วย โดยครั้งนี้ คุณจีรศักด์จะมาบอกเล่าที่มาของ PICO ALIVE พร้อมแชร์แนวคิดและประสบการณ์ในการทำงานต่าง ๆ ในพวกเราได้ฟังกัน

 

Bangkok Business Lawyer : รบกวนคุณจีรศักดิ์เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มของ PICO ALIVE และช่วยแนะนำจุลินทรีย์ที่ใช้ทำความสะอาด นวัตกรรมของ PICO ALIVE ให้พวกเราได้รู้จัก

 

คุณจีรศักดิ์: เดิมทีผมทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมและเคยบริหารงานโรงแรมมาก่อน แต่เมื่อมาทำธุรกิจโรงแรม ผมพบปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น การดักไขมันและการทิ้งน้ำเสีย ที่สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า เพราะกลิ่นเหม็นที่เกิดจากบ่อดักไขมันเต็มและไขมันอุดตันในระบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่มีมานาน ประกอบกับพื้นฐานที่ผมเติบโตมาในชนบท ผมเคยชินกับกลิ่นที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ อยู่บ้านนอกมา เราเคยกระโดดเล่นน้ำคลอง เราเคยอยู่กับขี้วัว ขี้ควาย ได้กลิ่นสักพักหนึ่ง มันก็หายไป เราก็ฉุกคิดว่า กลิ่นมันหายไปยังไง ซึ่งน่าจะเกิดจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

แต่เมื่อเรามาทำธุรกิจโรงแรม เราต้องการหาวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนกว่าสารเคมี เพราะการใช้สารเคมีเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว ไม่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสิ่งแวดล้อมได้ สิ่งเหล่านี้เลยเป็นที่มาของแนวคิดธุรกิจนี้  ซึ่งเราก็โชคดีที่ได้มาพบกับทีมงานต่าง ๆ ที่ค้นคว้าด้านจุลินทรีย์ ทางเราก็เอามาแปรสภาพและดำเนินการร่วมกัน 

สำหรับตัวจุลินทรีย์เองนั้น มีหลากหลายพันธุกรรม มีทั้งแบบร้ายและดี ต้องเลือกพันธุกรรมให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภท ซึ่งเป็นความโชคดีที่มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ไปค้นพบจุลินทรีย์กลุ่มหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการทำงานได้ สามารถจำแนกหน้าที่ได้ว่าเหมาะกับการทำงานแบบไหน และรู้ได้ว่าสามารถผลิตเอนไซม์อะไรที่นำมาย่อยจุลินทรีย์ต่าง ๆ เพื่อจะนำมาใช้ให้ถูกประเภท

ซึ่งการเลือกใช้จุลินทรีย์ให้ถูกประเภทจะสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก คือ 1. โดยปกติ จุลินทรีย์ทำงานแค่อย่างเดียวก็สามารถทำงานได้ดีแล้ว และยังสามารถเพิ่มปริมาณได้ 2. สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรานั้น มีจุลินทรีย์มากกว่า 5 สายพันธุ์ ซึ่งสามารถผลิตเอนไซม์ได้อย่างครบถ้วนสมบรูณ์ ยกตัวอย่างเช่น การนำไปย่อยโปรตีนสาหร่ายในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งสามารถย่อยได้รวดเร็ว และย่อยจนเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ที่สามารถลอยขึ้นอากาศได้ถึง 95% ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีตะกอนตกไปอุดตันระบบ ตามปกติแล้ว การที่มีตะกอนตกไปอุดตันระบบมาก ๆ จากการใช้วิธีการบำบัดอื่น ๆ ก็จำเป็นจะต้องมีการนำรถมาดูดออก อย่างเช่น โรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งจะต้องมีการนำรถมาดูดออกหลายครั้ง ยิ่งถ้ามีจำนวนโรงงานมาก จำนวนตะกอนอุดตันก็มากตาม จำนวนครั้งของการนำรถมาดูดตะกอน ก็มีจำนวนมากตามไปด้วย เป็นการสิ้นเปลืองทั้งพลังงาน เงิน เวลา และยังสร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม

โดยจุลินทรีย์ของเรา มีจุดเด่นอยู่ที่ สามารถผลิตเอนไซม์ชนิดพิเศษ ที่มีกระบวนการย่อยได้เร็วกว่าเอนไซม์ทั่วไป เทียบกันคือ ของที่อื่นความเร็วในการย่อยจะอยู่ประมาณ 50,000 ของเราจะย่อยได้เร็วประมาณ  4 พันล้าน เหมือนการปั่นสามล้อกับการขี่ซุปเปอร์เจ็ท ซึ่งเร็วมาก และยังมีอีกจุดเด่นคือ หลังย่อยเสร็จ จะไม่ตกตะกอน จะลอยขึ้นอากาศไป ไม่มีสารเคมีเข้ามา ซึ่งสามารถนำไปใช้กับทุกอุตสาหกรรมได้ นอกจากนี้ สามารถผลิตเอนไซม์ได้หลากหลายประเภท ซึ่งสามารถกำจัดเชื้อโรคได้หลายโรค เช่น เชื้อโรคอีโคไล เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม กระบวนการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ของเรา เป็นการเพาะเชื้อในห้องแล็ป และให้ห้องแล็ปขยายและเก็บให้เราที่ต่างประเทศ ก่อนที่เราจะเบิกหัวเชื้อมา และนำเข้าสู่ตลาดไทย

 

Bangkok Business Lawyer: เมื่อธุรกิจดำเนินถึงขั้นไหน จึงตัดสินใจตั้งโรงงาน และมีแผนงานอย่างไร

 

คุณจีรศักดิ์: จริง ๆ เราแบ่งออกเป็น 2 บริษัท โดยแยกบริษัทส่วนที่เป็นโรงงานเพื่อใช้ในการผลิต PICO ALIVE เน้นให้บริการ เป้าหมายคือ ต้องการสร้างแบรนด์ให้บริษัทของเรา เป็นบริการและการผลิต การจำหน่าย เพื่อทำให้แบรนด์นี้ขยายไปทั่วโลก

อีกบริษัทหนึ่ง เป็นโรงงานสำหรับทำ Supply เพราะเมื่อก่อนเราเน้นขายส่งเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้เรามีความเชี่ยวชาญมากขึ้น เลยทำแบรนด์ขึ้นเอง เน้นเพิ่มคุณค่าในแบรนด์ และการันตีคุณภาพต่าง ๆให้ขายไปได้ทั่วโลก 

โดยหลังจากที่ทำ OEM มาสักระยะ จนถึงจุดที่เราตั้งโรงงานขึ้นเอง เราสามารถตั้งแบรนด์ของเราได้ ทำให้เราสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าของเราได้มากขึ้น เรามองว่า เราขายแบรนด์มากกว่าขายแค่สินค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้เรากลายมาเป็นการให้บริการแบบครบวงจร เราสามารถให้คำปรึกษาได้ 

และเราก็ได้รับโอกาสในการร่วมงานกับบริษัทหรือองค์กรใหญ่ ๆ ซึ่งปัจจุบันหลายองค์กรก็หันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยนวัตกรรมของเรา เข้าไปช่วยลดการใช้สารเคมี ลดการใช้พลังงานและน้ำ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และยังช่วยลดขยะให้กับผู้ประกอบการด้วย แผนงานของเราคือ ช่วยเกิดการลดการใช้สารเคมี ลดการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ รักษาสิ่งแวดล้อม และลดตะกอนที่เหลือจากการบำบัดให้มากที่สุด

 

jirasak_pico alive
Bangkok Business Lawyer: สิ่งใดคืออุปสรรคสำหรับธุรกิจนี้ และมีวิธีแก้ไขอย่างไร

 

คุณจีรศักดิ์: อุปสรรคตอนนี้มองว่า อุปสรรคที่สำคัญคือ “ภาครัฐ” เพราะมีข้อกฎหมายที่ไม่ทันสมัย กฎหมายบางอย่าง เอื้อการใช้สารเคมีที่ไม่ส่งผลดีนัก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะใช้ชีวภาพดี ๆ จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมีความซับซ้อนมากและไม่ชัดเจน หน่วยงานรัฐ ควรชัดเจน ว่าจะทำอะไร จะเสร็จเมื่อไหร่ เรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ควรชักช้ากับมัน หน่วยงานภาครัฐไม่ได้พูดคุยกัน ยกตัวอย่างเช่น เราจะจดทะเบียนอะไรซักอย่าง เราต้องไปขึ้นอีกหลายหน่วยงาน มันเป็นความล้าหลัง ประเทศไทยควรมี 1 หน่วยงานรับเฉพาะเรื่องนี้ 

 

Bangkok Business Lawyer:  “Sustainability” ของ Pico Alive คืออะไร

 

คุณจีรศักิด์: ผมมองจากจุดเล็ก ๆ เวลาเราทิ้งก้อนหินลงไปแล้วมันจะขยายวงไปเรื่อย ๆ วงแรก คือ ความยั่งยืน เริ่มจากในส่วนของพนักงานของเรา ต้องปลอดภัย มีความภาคภูมิใจ ได้เงินเดือน อยู่ดีกินดี สภาพแวดล้อม ความเท่าเทียม ชีวิตของคนต้องมีความสุขก่อน มีเคมีเดียวกัน ดีเอนเอเดียวกัน ถ้ามันไม่ใช่เราควรเอาออก ดังนั้น ความยั่งยืนแรกคือ การเอาคนดี คนเก่งมารวมกันครับ

ความยั่งยืนต่อมา คือ การปลี่ยนแปลงสังคมได้ เราไม่ได้ทำ CSR เราชัดเจนว่าสิ่งที่เราได้ เราแบ่งปัน เราช่วยเขา งานของเราคือ All win ตั้งแต่ครอบครัวสู่พนักงาน สังคม สิ่งแวดล้อม ช่วยผู้ประกอบการให้เขาได้เข้าใจ ซึ่งเราทำคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน ต่อไปนี้ เราอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ามันมีแบบนี้ มีนโยบาย คิดค้น แล้วทุกคนช่วยกัน ซึ่งเราต้องทำกับหลาย ๆ ภาคส่วน ให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง พอมันเปลี่ยนแปลง คนรู้ คนก็ใช้ มันมีความต่าง ในวันนี้ถ้าคุณใช้ธรรมชาติจริง ๆ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยรวมนะ มีสิ่งยั่งยืน ให้ทุกคนตระหนักรู้หันมาใช้เรื่องชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมี ไม่อย่างงั้น ในต่างประเทศ คงไม่ออกกฎมานะครับ

ดังนั้น ความยั่งยืนคือ การทำให้ผู้คน ผู้ประกอบการ ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรของเขา ตัวเขา แล้วให้คนอยากรู้หันมาทำ ไม่ใช่แค่อยากรู้ แต่ต้องลงมือทำ นี่แหละความยั่งยืน

 

Bangkok Business Lawyer: คุณจีรศักดิ์ถือคติประจำใจอะไรสำหรับใช้ในการทำงาน

 

คุณจีรศักดิ์: ผมคิดว่า ในการทำงาน เราควรมีความรู้ สำนึกคิด กตัญญู สำนึกรู้บุญคุณ คิดบวก คิดใหญ่ มีความฝัน รู้ว่าอันนี้มันทำได้ มันทำให้เรา มีความสำเร็จ ความฝัน เกิดจากความคิด ทัศนคติ คิดบวกเข้าไว้ครับ มองสิ่งดี ๆ ครับ เราอย่ามองอุปสรรค ยกตัวอย่าง ตอนเราปั่นจักรยาน เวลาเราเจอหินก้อนเล็ก เรามักจะหักหลบ แต่ถ้าวันนี้ เราขับสิบล้อ เราก็ขับรถเหยียบทับเลย ดังนั้น เราควรโฟกัสที่โอกาส ผมไม่เคยมองว่าใครเป็นคู่แข่ง ไม่ต้องแข่งกับใคร เรียนรู้หลายด้าน แข่งกับตัวเองครับ สร้างทีมที่ดี ชัดเจน ครอบครัว ต้องมีดีเอนเอเดียวกัน จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีครับ

 

เรียนรู้เกี่ยวกับ PICO ALIVE : www.picoalive.com , www.facebook.com/picoalive
Chaivit and Jirasak

ขอขอบคุณ คุณจีรศักดิ์ นาคานารา

สัมภาษณ์โดย ชัยวิทย์ เศรษฐภากรณ์

เรียบเรียงโดย ศิริพร เศรษฐภากรณ์